จริงๆอยากเขียนตั้งแต่สองวันที่แล้วแล้ว แต่เพิ่งว่างตอนนี้ 55555
ยาวหน่อยแต่ลองอ่านกันหน่อยน๊า
ถ้าใครติดตาม YouTubers/Beauty Bloggers มาแต่แรกๆคงจะไม่มีทางไม่รู้จัก Michelle Phan จิงนี่ติดตามตั้งแต่สมัยม.ต้นได้ รู้สึกเหมือนเราโตมากับเค้า ได้เห็นเค้าประสบความสำเร็จทางด้านการงาน เมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ๆมิเชลก็หายไป คลิปล่าสุดที่อัพก็ตั้งแต่ปีที่แล้ว subscribers เกือบเก้าล้านคนนี่คงงงน่าดู
พอได้มาอ่าน article นี้ถึงเข้าใจมิเชลเลย สั้นๆคือเค้าหายไปพักจิตใจตัวเอง ตัดขาดจากโลกโซเชียล หรือที่เรียกว่า Social Media Detox
__________________________________
ตอนจิงเรียนปีสอง จิงได้เรียนวิชา Mass Media and Society ซึ่งอาจารย์สอนเกี่ยวกับผลกระทบจากโซเชียลมีเดีย พวก negative effects ได้ลึกซึ้งมาก สรุปง่ายๆคือพวกโลกโซเชียล Facebook Instagram เนี่ยมันทำให้ใครหลายๆคน depressed มีอาการหรือเป็นโรคซึมเศร้า หลายๆคนอาจจะรู้เรื่องพวกนี้ แต่เชื่อว่าก็ยังมีหลายคน ที่อาจจะไม่ได้เรียนด้านสื่อหรือน้องๆเด็กๆมัธยม ที่ยังไม่รู้ถึงผลกระทบจากการเล่นโซเชียลมีเดียพวกนี้
เวลาเราเลื่อนดู feed ในเฟสบุ๊คหรือดูโพสดู story ในไอจี เรามักจะเห็นแต่ภาพสวยๆงามๆของคนอื่น ภาพอาหารหรูๆ สถานที่เที่ยวสวยๆ รูปจากต่างประเทศ รูปสวีทกับแฟน เราจะเห็นแต่คนที่มีชีวิตที่น่าอิจฉา มองกลับมา เราอาจจะกำลังเล่นเฟสเล่นไอจีบนเตียง อยู่บ้านชีวิตเปื่อยๆ ต่อให้เราคิดว่า แล้วไง ไม่ได้อิจฉาไรเลย แต่ลึกๆแล้วพวกสื่อเหล่านั้นมันทำให้เราเกิดความไม่พอใจกับชีวิตตัวเอง ไม่พอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่
เราเห็นคนวัยเดียวกันประสบความสำเร็จ เราก็ตั้งคำถามต่างๆนานา กดดันตัวเองต่างๆนานา ซึ่งมันก็ก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจกับตัวเอง ทำให้ self-esteem ลดลง ทั้งๆที่ชีวิตเรามันมีดีของมันเอง แต่เรากลับไปเปรียบเทียบกับชีวิตคนอื่น สุดท้าย เราอาจเป็นโรคซึมเศร้าไปโดยไม่รู้ตัว
__________________________________
อีกหนึ่งในผลกระทบจากการใช้โซเชียลมีเดียคือ เรามักดึง negativity เข้าหาตัวเองโดยไม่รู้ตัว อย่างมิเชล เป็นคนดัง มีแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง เป็นธรรมดาที่จะโดน haters หาเรื่องด่าทอสารพัด โดน cyber-bullied ต่อให้เป็นคนจิตใจเข้มแข็งแค่ไหน เชื่อเถอะ มันจะมีจุดๆนึงที่เรารู้สึกเจ็บกับคำพูดคำวิจารณ์ของคนอื่นจนอยากร้องไห้อยากตะโกนอยากด่ากลับ แต่เราทำได้แค่เพียงอยู่เงียบๆ
อย่างที่มิเชลบอกใน article "A lot of them are people who choose to misunderstand you. So if they choose to misunderstand you, you already lost and there’s no use trying to convince them otherwise." คนที่เกลียดชังเรา ต่อให้เราพยายามอธิบายอะไร เค้าก็ไม่ฟังหรอก เราไม่มีทางชนะอยู่แล้ว
__________________________________
หลายต่อหลายครั้ง จิงเองก็ตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้า หรือรู้สึกเสียใจกับคำพูดคนอื่นหรือสิ่งที่คนอื่นเข้าใจผิด ทั้งๆที่จิงเคยมีประสบการณ์การโดน bullied และจิงก็รู้วิธีที่จะ deal กับอะไรพวกนี้ สุดท้ายมันก็วนกลับมาจุดที่เราเปราะบางเหมือนเดิม
วิธีแก้ของจิงคือ อยู่กับคนที่คิดบวก คนที่เป็นผู้รับฟังที่ดีและพาเราคิดบวกด้วย หาคนที่เค้าสามารถเป็น comfort zone ให้เรา คนที่สามารถให้เราพักใจได้ อาจจะเป็นครอบครัว เพื่อนสนิท หรือแฟน ใครก็ได้ที่เค้าสามารถให้ energy เรา เป็นเหมือนพาวเวอร์แบงค์ที่ให้พลังกับเรา
ส่วนใครที่เริ่มรู้สึกว่าเราไม่มีความสุขกับชีวิต ลองสำรวจตัวเองดูว่าเราใช้เวลากับ social media เยอะไปรึเปล่า เราใช้เวลาของเราในการเลื่อนดูโพสคนอื่นเยอะแค่ไหน เราเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่นรึเปล่า
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ลองออกห่างโลกโซเชียลดูสักพักนะ ลองวางมือถือไกลๆ หาหนังสือดีๆอ่าน ลองออกไปข้างนอก ไปกินข้าวดูหนัง ใช้เวลากับคนที่อยู่ใกล้ๆรอบตัว จิงเคยเลิกเล่นเฟสไปปีนึง มันดีต่อสภาพจิตใจมากเลยนะ แล้วจิงก็ปิด notification ของแอพโซเชียลบางอันที่เด้งบ่อยๆ แค่นี้ก็สามารถตั้งใจอ่านหนังสือสอบเพิ่มขึ้นได้เยอะแล้ว
__________________________________
โลกสมัยนี้หลายๆอย่างมันง่ายมากต่อการบั่นทอนกำลังใจของคนที่ตั้งใจ โดยเฉพาะคอมเม้นแย่ๆในโลกโซเชียล บางทีเราอาจเป็นคนที่ดึงกำลังใจตัวเองลงโดยการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นด้วยซ้ำ
ถ้าใครรู้สึกหมดกำลังใจ จิงขอเป็นกำลังใจให้นะ อย่ากดดันตัวเอง เราอายุยังน้อย เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะรู้สึกเจ็บปวด รู้สึกท้อ มันเป็นประสบการณ์ชีวิตนี่นา ถ้าล้มก็ลองพักก่อน แล้วลุกขึ้นมาให้แข็งแรงกว่าเดิม ถ้ารู้สึกว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีต่อสุขภาพจิต ก็ออกมาแล้วก็อย่าเป็นหนึ่งในนั้นซะเอง ลองเป็นคนคิดบวกแล้วส่งต่อพลังงานบวกให้คนอื่น แค่นี้เราก็สามารถสร้างสภาพแวดล้อมบวกได้แล้ว
สู้ๆนะคะ
ขอบคุณใครก็ตามที่อ่านจบด้วย 5555555
♡